วันพฤหัสบดีที่ 23 เมษายน พ.ศ. 2558

จตุรเทพแห่งการลงทุน

(โดย อ. IMERLOT, คุณชัยธร ช่วยสรุป, เด็กผู้ชายไม่ร้องไห้ ตั้งคำถาม)

อ.IMERLOT แห่ง thaivi ได้ตั้งหัวข้อกระทู้เรื่อง 10 Questions to Ask Before You Buy a Stock 


อ้างอิงจาก link http://board.thaivi.org/viewtopic.php?f=1&t=57526

 

กระทู้นี้เป็นกระทู้ที่ทรงคุณค่า ทางวิชาการและการพิจารณ์ อย่างมาก ที่สำคัญคือมีการวิเคราะห์ถึงแก่นแห่ง สี่จตุรเทพการลงทุนในพอร์ต ของ บัฟเฟตต์ และชาร์ลี มังเกอร์ อันประกอบ ด้วย Coke, Amex, Well fargo และ Geico

 

ผมเองมีส่วนในการตั้งคำถามหลายคำถาม และได้ อ. IMERLOT ท่านช่วยวิเคราะห์ เสาะหา ตลอดจนตอบคำถามไว้หลายอย่าง ด้วยความรอบรู้ในระดับสูง ตลอดจนได้คุณ chaitorn มาช่วยสรุป แบบกระชับ รวบยอดความรู้อย่างมาก และยังมี เพื่อนนักลงทุนอีกหลายท่านเช่น คุณไกล่เกลี่ย มาช่วยออกความเห็นเพิ่มเติมในตอนท้าย ๆ

 

ยิ่งผมยิ่งอ่านซ้ำในกระทู้นี้มากขึ้นและมากขึ้น ผมบอกได้เลยว่า มันเป็น “หัวใจของการลงทุน” ที่สำคัญและเป็นตำราการลงทุนที่ดีมาก เพื่อเป็นแนวทางให้นักลงทุนในรุ่นหลัง ๆ สืบไป ผมแนะนำให้อ่านอย่างสูงครับ

 

ด้านล่างเป็น บทสรุป เบื้องต้น แต่ผมคิดว่าเป็นบทคัดย่อแห่งบทความในกระทู้นี้ โดยคุณ chaitorn แห่งเวปไทยวีไอ ขอขอบคุณคุณชัยธรอย่างสูงครับ

.........................................


สรุปถึงตอนนี้ทั้งหมด ซึ่งสะท้อนการลงทุนของ VI สาย บัฟเฟท ที่เน้นการลงทุนใน model ยุคของหุ้นที่เป็น Great Company โดยเริ่มมีการลงทุนที่ให้ความสำคัญในแนวทางดังกล่าวประมาณปี 1988 โดยมีการทดลอง Model ก่อนหน้าในการซื้อหุ้น Geico ในช่วงยุคแรกที่ใช้แนวคิดแบบ เกรแฮม ที่เน้นหนักเฉพาะหุ้นราคาถูกกว่ามูลค่าที่แท้จริง 
โดยแนวคิดดังกล่าวมีประเด็นดังต่อไปนี้ที่เราได้คุยกันในหลายกระทู้

1. เราต้องมีความเชื่อก่อนว่า ผลของราคาหุ้นระยะยาว มาจากเหตุ และเหตุที่จะทำให้ราคาหุ้นในระยะยาวมีราคาสูงต่อเนื่อง และยั่งยืนได้ คือ พื้นฐานที่สำคัญที่สุดคือการทำกำไรที่สูงและต้องมีการเติบโตของกำไรอย่างสม่ำเสมอ ต่อเนื่องในระยะยาวด้วย จึงจะทำให้มูลค่าหุ้นที่แท้จริงในระยะยาวเติบโตตามไปเรื่อย ๆ ตามศักยภาพของการทำกำไรในอนาคตระยะยาว และทำให้เราสามารถถือหุ้นที่คัดสรรเชิงคุณภาพดังกล่าวในระยะยาวได้ เพราะมูลค่าหุ้นในระยะยาวมันยังเพิ่มสูงขึ้นด้วยตามเวลาที่เราลงทุน ซึ่งหุ้นหรือบริษัทที่เราคัดสรรจะต้องมีเคล็ดลับที่สำคัญคือต้องเป็นบริษัทที่มี moat หรือคูเมืองที่เข้มแข็ม ยิ่งคูเมืองฝังลึกในระยะยาวเพียงใด ยิ่งกันข้าศึกได้สูงมากเพียงใด และยิ่งสะท้อนกำไรที่เติบโตสูงต่อเนื่องในระยะยาวมากเพียงใด ก็จะยิ่งทำให้การลงทุนของเราหุ้นนั้นมี runway ระยะยาวให้เราได้ลงทุนต่อเนื่องระยะยาวได้ตามนั้นอีกด้วยโดยไม่ต้องเปลี่ยนตัวหุ้นลงทุนเหมือนยุคแรก ๆ เพราะพื้นฐานหุ้นในระยะยาวของหุ้นที่เราลงทุนมันไม่เปลี่ยนได้โดยง่ายนั้นเอง


2. พื้นฐานของหุ้นขึ้นกับ Business model ซึ่งไม่เหมือนกันแต่ขึ้นกับอุตสาหกรรมของหุ้นหรือกิจการที่เราลงทุนนั้นๆ สิ่งสำคัญที่เป็นตัวจำแนก หรือ ตัวกำหนดความแตกต่าง และเราต้องหาให้เจอ นั้นคือ Key Variable ที่เป็น Key success ของความสำเร็จขององค์กรนั้น ๆ ประกอบด้วย 

2.1 ความสำเร็จของผู้นำธุรกิจในด้านต้นทุนที่ต่ำสุด ซึ่ง เราได้เห็น บริษัท commodity business เช่น บริษัทประกันภัยGeico มี model ธุรกิจแบบหมอผ่าตัดมะเร็งร้าย กล่าวคือ เป็นธุรกิจที่ตัด Logistics cost ที่ไม่จำเป็นออกไปให้มากสุด เช่น ไม่มีค่าcom ให้กับนายหน้าประกันภัยแบบการขายดั้งเดิมที่ผ่านตัวแทน ทำให้สามารถกำหนดราคาเบี้ยประกันภัยแบบลดสุด ๆ จนยากที่คู่แข่งจะแข่งขันได้ แม้ว่าบริษัทจะมีการโฆษณาสูงกว่าคู่แข่งขันหลายเท่าก็ตาม ซึ่ง Model แบบนี้ได้รับการพิสูจน์ให้เห็นถึงการเติบโตของธุรกิจที่ยาวนานได้ จนเป็นผู้นำในธุรกิจอันดับ 2-3 ในอุตสาหกรรมประกันภัย ตลอดจนเราได้เห็น Model ของ ธุรกิจปั้มน้ำมัน 2 แห่งที่ติดกัน ซึ่งจะพบว่าแม้จะเป็นปั้มน้ำมันแห่งหนึ่งที่วางกลยุทธ์ที่ดีมากจนลูกค้ามาใช้บริการมากขึ้น แต่คู่แข่งก็กลับไม่ตอบโต้ยอมให้ปั้มที่ติดกันขายได้ดีต่อเนื่องต่อไป

2.2 เราได้เห็น Business model แม้จะเป็น บริษัท commodity business ได้แก่ bnsf railway ซึ่งใช้โมเดล toll bridge สะพานเก็บค่าผ่านทาง ซึ่ง โมเดลนี้ ไม่ใช่ จะสำเร็จได้ง่าย ต้องเข้าปัจจัยสนับสนุนหลายอย่างที่เหมาะสม

2.3 เราได้เห็น Business model ซึ่งถือเป็น Superstock ที่เป็นบริษัทที่มี BRAND ระดับโลกที่เข้มแข็ง แบบ Coke ว่า ธุรกิจเขามี Runway ยาวขนาดไหน Key Variable ที่สำคัญของธุรกิจนี้อยู่ที่ ปริมาณการดื่มต่อคนต่อวัน ของประชากรโลก และการเป็นสินค้าที่สามารถขายไปทั่วโลกได้ โดยอาศัย Brand และ รสชาดที่อยู่ในใจของ คนหลายเชื้อชาติ หลายประเทศ จำนวนหลายพันล้านคน โดยการสำรวจพบว่า Brand ของ Coke มีมูลค่าสูงติดอันดับ 1-3 ในรอบ 2003-2013 และยังสามารรถขยายการจำหน่ายไปยังประเทศที่มีพลเมืองสูง ที่สะท้อนความสำเร็จของ coke ในประเทศจีน แม้ประเทศจีนจะได้ชื่อว่าเป็นประเทศที่ copy ผลิตภัณฑ์ได้ทุกอย่าง และเป็นสมรภูมิการแข่งขันที่รุนแรงมากของหลายธุรกิจ ซึ่งแม้แต่บริษัทธุรกิจของอเมริกาที่เข้าไปจำหน่ายในประเทศจีนก็ประสบความล้มเหลวมาแล้วจำนวนมากก็ตาม

2.4 เราได้เห็น Business model ของบัตรเครดิต คือ Model Closed Loop ซึ่งช่วยสร้างกำไรมากมายให้กับAMEX ที่ คุณ chaitorn ได้เปรียบเทียบแนวทางการดำเนินธุรกิจได้ชัดเจนว่า เหมือน IOS ของ apple นั้นเอง 

แต่ยังมีจุดอ่อนของ AMEX ที่ต้องปรับปรุงโดยเฉพาะ Brand ซึ่งผลการสำรวจตกอันดับลงมามาก แต่ก็ยังอยู่เป็น top 20s Brand ชั้นนำอยู่
2.5 เราได้เห็น Business model ของ Well Fargo หุ้นธนาคารชั้นนำในอเมริกา ซึ่งอายุยาวนานกว่า 100 ปี แล้ว แต่ก็ยังสามารถพัฒนาจนใกล้เคียงกับธนาคารสมัยใหม่ ที่มี รายได้ non-interest income มากกว่า 40% และยังมีแนวโน้มการเติบโตของรายได้ส่วนนี้ เป็นเลข 2 หลัก หรือ double digit และ มีมูลค่า Port ของธนาคารที่สร้างรายได้จากการลงทุนกว่า 2แสนล้านเหรียญ ซึ่งมากกว่าบริษัท Berkshire Hathaway Inc ของ บัฟเฟทด้วย


3. เราได้ชี้ให้เห็นว่า พื้นฐานของธุรกิจที่สำคัญนั้น เราต้องดูปัจจัยสำคัญคือการเปลี่ยนแปลงของ พฤติกรรมผู้บริโภคให้ออก ซึ่งเป็นปัจจัยที่ชี้เป็นชี้ตายถึงความอยู่อยู่รอดของธุรกิจ ด้วยการวิเคราะห์ประเด็นสำคัญง่าย ๆ ดังนี้

3.1 เราอาจจะตั้งคำถาม และวิเคราะห์ให้ได้ว่าธุริกจนี้ในอนาคตจะมีความเสี่ยงต่อการเปลี่ยนแปลงในเรื่องอะไรที่จะทำให้ runway ของธุรกิจยาวขึ้น หรือ สั้นลง เช่น กล้องฟิลม์ มีความเสี่ยงจากกล้อง Digital จนทำให้ Runway ของ ธุรกิจไม่ยืนยาว แต่ธุรกิจงานศพ กลับมี Runway ที่ยาวนาน ไม่เปลี่ยนแปลง มันมีเหตุผลอะไรที่ทำให้เป็นเช่นนั้น นี่เป็นเหตุผลหนึ่งที่ทำให้ บัฟเฟท ไม่สนใจในหุ้นเทคโนโลยีหรือไม่ เพราะไม่เข้าใจความเสี่ยงในเรื่อง Runway ของธุรกิจนั้นเอง


4. ผู้ที่สนใจในธุรกิจธนาคารเก่าแก่ Well Fargo มีข้อแนะนำให้หาตัวอย่างการวิเคราะห์ ในหนังสือชื่อ Security Analysis ของปู่เบน เกรแฮมเจ้าพ่อ Value investor ท่านหนึ่ง ซึ่งในบทความของหนังสือนี้มีหลายเรื่องที่มีการวิเคราะห์มุมมองของธนาคารต่าง ๆ ในมิติต่าง ๆ ที่หลายคนอาจไม่เคยรู้มาก่อน จะทำให้เข้าใจมากยิ่งขึ้น


5. ในการซื้อหุ้นอย่างไรไม่ให้ขาดทุน เราควรรู้ว่า เส้นทางที่จะไปสู่การขาดทุนนั้น เป็นอย่างไรจะได้เข้าใจความเสี่ยงของธุรกิจที่เราจะคัดเลือก หรือลงทุนไปแล้วจะได้รู้ว่าจุดตายของธุรกิจอยู่ตรงไหน เมื่อรู้แล้วเราจะได้หลีกเลี่ยงเส้นทางนั้นเสีย ซึ่งเราควรจะศึกษา metal model ของลุงชาลีซึ่งมีหลายบทความที่พูดถึงการวิเคราะห์เรื่องดังกล่าวที่น่าสนใจไว้