วอร์เรน บัฟเฟตต์ ให้เครดิต ฟิชเชอร์ ว่าท่านเป็นผู้สร้างแรงดลใจในการลงทุน ให้เลือกเฟ้น ธุรกิจที่ดี ทุกครั้งที่ลงทุนให้คำนึงถึง แบรนด์ รวมถึง ความสามารถในการแข่งขัน ฯลฯ
ครั้งนี้เราลองมาฟังบรรยาย ซึ่ง ฟิลลิป ฟิชเชอร์ ครั้งหนึ่งเคยบรรยายไว้ที่ สแตนเฟิร์ด ถึงแนวคิดของท่าน (การบรรยายนี้สรุปมาจาก discussion บอร์ดเก่าของ Motley fool ที่เคยมีการโพสต์ไว้ ปี 2001)
เรียบเรียงตามความเข้าใจ ไม่ได้แปลตามตัวอักษร
Nevercry.boy
เด็กผู้ชายไม่ร้องไห้
Mar 9, 2012
...................
เลคเชอร์ของฟิชเชอร์ชุดนี้ได้บรรยายไว้ให้กับมหาวิทยาลัยแสตนเฟิร์ด ในคลาสเรียนของลูกศิษย์ของเค้าในปี 1961 (โปรเฟสเซอร์ แจ็ค แม็คโดนัลด์)
Prof. McDonald: (introduction)
โปรเฟสเซอร์ แม็คโดนัลด์ กล่าวนำโดยอ้างอิงคำพูดของ วอร์เรน บัฟเฟตต์ ที่อ้างถึงข้อดีในการลงทุนด้วยวิธีคิดของ ฟิลลิป ฟิชเชอร์ ในรายงานประจำปีของ เบิร์กไชด์
- McDonald: ฟิล ฟิชเชอร์ กล่าวว่า ในการลงทุนนั้นนอกจากตัวบริษัทแล้วเราต้องลงมือทำการวิเคราะห์ ซัพพลายเออร์ คู่แข่ง ตลอดจนลูกค้าของบริษัท
ผมคิดว่านักกลยุทธ์ในปัจจุบันเป็นหนี้บุญคุณ ฟิล ฟิชเชอร์ ค่อนข้างมาก เราผู้เป็นลูกศิษย์ลูกหา ควรตระหนักและรำลึกถึงวิธีการที่ล้ำค่าดังกล่าว
ท่านเป็นผู้นำในการวิเคราะห์ ธุรกิจไฮเทค ซึ่งเป็นธุรกิจเติบโต
คลาสเรียนในปี 1961 ท่านให้วิเคราะห์บริษัท Texas Instruments เพราะอาจารย์ฟิชเชอร์ท่านสนใจในธุรกิจ เซมิคอนดัคเตอร์ (ซึ่ง ณ ขณะนั้นเป็นธุรกิจไฮเทค ที่มีการเติบโต)
ท่านกล่าวไว้ว่า
"เราควรจะค้นหาและตรวจสอบบริษัทที่ยิ่งใหญ่เช่น บริษัท Texas Instruments ในธุรกิจเซมิคอนดัคเตอร์"
ผมขอคารวะอาจารย์ฟิชเชอร์ เพราะนั่นทำให้ผมได้ซื้อหุ้น 100-bagger อย่าง โมโตโรล่า
หรือถ้าจะกล่าวแบบสรุปลองดู เดลคอมพิวเตอร์ หรือบริษัทในกลุ่มนี้ ถ้าคุณลงทุนหมื่นเหรียญตอนนั้น ตอนนี้มูลค่าเกิน หนึ่งล้านเหรียญไปแล้ว
เมื่อพอร์ตการลงทุนของคุณ มีการกระจายความเสี่ยงที่เหมาะสม ผลตอบแทนของพอร์ตคุณก็จะได้รับผลกระทบจากความแปรปรวนน้อยลง (โปรเฟสเซอร์ แม็คโดนัลด์ กล่าวถึงการกระจายหุ้นระหว่าง 7 ตัว ถึง 10 ตัว - จุดนี้อาจมีการตีความคำว่ากระจายความเสี่ยงแย้งกับฟิชเชอร์อยู่บ้าง ฟิชเชอร์ กล่าวไว้ว่า มีหุ้นในพอร์ต 8 ตัว เค้าก็ปวดหัวแล้ว)
ผมอยากให้นักศึกษาเข้าใจจิตวิญญาณของ อาจารย์ฟิชเชอร์ ว่าท่านใช้เวลาในการศึกษาบริษัทจนลึกซึ้ง ท่านไม่ใช่ตื้น ๆ ผมขอย้ำว่าท่านศึกษาจนลึกมาก มากกว่าที่ใครต่อใครจะคาดคิดว่า ทำไมนักลงทุนคนหนึ่งจะครุ่นคิด ลึกซึ้งขนาดนี้เกี่ยวกับบริษัทที่เค้ากำลังลงทุน
...............
แนวคิดของ Phil Fisher:
- ข้อแนะนำ: (1) ซื้อบ้าน (2) รู้จักเก็บหอมรอมริบ (3) ลงทุนระยะยาว
- พีอี ไม่ได้บอกคุณว่าบริษัทที่คุณกำลังลงทุน ดีหรือไม่ดี บอกแค่เพียงว่า ณ ขณะราคานี้ หุ้นราคาถูกหรือแพง
- สิ่งสำคัญคือ ผู้บริหารที่มีฝีมือโดดเด่นเหนือคู่แข่ง
- เมื่อไรที่คุณรู้ว่า อะไรคือสิ่งที่คุณกำลังค้นหา เมื่อนั้นคุณมาถูกทางแล้ว
- บริษัทดาษดื่นทั่วไป ชอบทำงานกันสบาย ๆ ติดยึดกับรูปแบบเก่า ๆ แต่เมื่อไรก็ตามที่มีคู่แข่งลงมาแข่งขันพร้อมกับกรรมวิธีใหม่ ๆ ซึ่งลบล้างรูปแบบการทำงานเก่า ๆ เมื่อนั้นบริษัทของคุณก็จะถูกผลักดันให้เข้าสู่การเปลี่ยนแปลงอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้
- วิธีการที่เราจะดูว่าผู้บริหารทำงานได้ดีหรือไม่ นั่นคือให้ดูปฏิกริยาของเค้าที่มีต่อการเปลี่ยนแปลง เค้าต่อกรกับการเปลี่ยนแปลงอย่างไร เค้ารับมือได้หรือไม่ เพราะนั่นอาจนำมาสู่ มาร์เก็ตแชร์ขนาดใหญ่ ตลอดจนความหายนะหรือการอยู่รอดของธุรกิจ
งานแรกของคุณ: ชี้ชัดออกมาให้ได้ว่าปัญหาของโลกธุรกิจ ณ ขณะปัจจุบันคืออะไร?
ฟิชเชอร์เล็งเห็นว่า ทำอย่างไรที่บริษัทจะสามารถเข้าใจถึงหัวใจของพนักงานได้ ดูจะเป็นปัญหาของธุรกิจในปัจจุบัน ในภาวะที่ครอบครัวเล็ก ๆ ครอบครัวหนึ่ง ประกอบด้วย พ่อ แม่ ลูก ซึ่งทั้งพ่อและแม่ ก็ต้องปากกัดตีนถึบ เพราะทั้งคู่ต่างก็มีภาระที่ต้องทำงาน ทำอย่างไรบริษัทจะชนะใจพวกเค้าและมัดใจเค้าให้อยู่กับองค์กร?
การต่อรองกับพนักงานไม่ใช่สิ่งที่จะทำให้เกิดความจงรักภักดี และผลประโยชน์ที่ริดรอนมาจากพนักงานก็คงไม่ทำให้บริษัทร่ำรวยขึ้นแต่ประการใด บริษัทที่เข้าใจลึกซึ้งถึงปัญหานี้และสามารถจัดการเรื่องนี้ได้อย่างมีประสิทธิภาพ คุณจะประสบความสำเร็จอย่างงดงาม รวมถึงความสามารถในการแข่งขันของคุณก็จะสูงขึ้นจนคู่แข่งยากจะตามทัน
ฟิชเชอร์ตอบคำถาม:
"ภายใต้การบริหารของผม บอกตามตรงการที่เราถือครองหุ้นมากถึง 8 ตัว ก็นับเป็นสัญญาณอันตรายอย่างหนึ่ง"
- ฟิชเชอร์ กล่าวต่อ: "ผมเชื่ออย่างมากในเรื่องการกระจายความเสี่ยง แต่การกระจายความเสี่ยงมากจนเกินไปก็เป็นปัญหาอีกแบบหนึ่ง"
ตลาดหุ้นประกอบด้วยทั้งคนที่ไร้ความรู้ตลอดจนพวกที่ไม่รู้เรื่องรู้ราว ในโลกแห่งการเงินอยู่มากมาย ที่เข้าไปเล่นหุ้นกันเป็นจำนวนมาก ทำให้ผมรู้สึกเวียนหัวกับเรื่องราวของมัน
- เมื่อไรควรจะขาย?
เมื่อบริษัทถดถอย
"อย่างไรก็ตาม ชื่อเสียงของการเป็นนักลงทุนระยาวของผมนั้นเป็นที่รับทราบกันดี แต่ถึงกระนั้น ผมเองก็ยังพลาด ในการที่ขายหุ้นที่ดีออกมาเร็วกว่าเวลาอันควร"
- ควรลงทุนนอกสหรัฐอเมริกาหรือไม่?
ผมยังไม่เห็นด้วยนะ. ทุกครั้งที่ผมลงทุนผมต้องรู้จักคนที่ผมจะติดต่อด้วย การเดินทางออกนอกประเทศเป็นปัจจัยเสี่ยงอย่างหนึ่ง ถ้าคุณไม่คำนึงถึงปัจจัยพวกนี้ภายหลังอาจเกิดผลกระทบตามมาได้
- เป็นที่ทราบกันว่า ฟิชเชอร์ ต้องการข้อมูลจากทุกแหล่งที่เค้าจะเข้าถึงข้อมูลได้
ตัวเลขจากแหล่งต่าง ๆ มักจะอวดอ้างเกินจริงเสมอ สิ่งที่ผมต้องการคือคุณภาพขององค์กรต่างหาก
ปัจจุบันเรามีข้อมูลเยอะแยะมหาศาลมากมาย แต่คุณภาพของบริษัทในปัจจุบันไม่เห็นจะพัฒนาขึ้นสักเท่าไร
สองสิ่งที่ผมจ้องมองค้นหา และคาดหวังจะได้รับจากผู้บริหารในบริษัทที่ผมยึดมั่นลงทุนนั่นคือ
1) ความโปร่งใส และ 2) ความรับผิดชอบ
"ถ้าคุณยังไม่ได้รู้จักผู้บริหารของบริษัทที่คุณลงทุน งานของคุณยังไม่จบ" ฟิชเชอร์กล่าว
เรียบเรียงตามความเข้าใจ ไม่ได้แปลตามตัวอักษร
Nevercry.boy
เด็กผู้ชายไม่ร้องไห้
Mar 9, 2012
...................
เลคเชอร์ของฟิชเชอร์ชุดนี้ได้บรรยายไว้ให้กับมหาวิทยาลัยแสตนเฟิร์ด ในคลาสเรียนของลูกศิษย์ของเค้าในปี 1961 (โปรเฟสเซอร์ แจ็ค แม็คโดนัลด์)
Prof. McDonald: (introduction)
โปรเฟสเซอร์ แม็คโดนัลด์ กล่าวนำโดยอ้างอิงคำพูดของ วอร์เรน บัฟเฟตต์ ที่อ้างถึงข้อดีในการลงทุนด้วยวิธีคิดของ ฟิลลิป ฟิชเชอร์ ในรายงานประจำปีของ เบิร์กไชด์
- McDonald: ฟิล ฟิชเชอร์ กล่าวว่า ในการลงทุนนั้นนอกจากตัวบริษัทแล้วเราต้องลงมือทำการวิเคราะห์ ซัพพลายเออร์ คู่แข่ง ตลอดจนลูกค้าของบริษัท
ผมคิดว่านักกลยุทธ์ในปัจจุบันเป็นหนี้บุญคุณ ฟิล ฟิชเชอร์ ค่อนข้างมาก เราผู้เป็นลูกศิษย์ลูกหา ควรตระหนักและรำลึกถึงวิธีการที่ล้ำค่าดังกล่าว
ท่านเป็นผู้นำในการวิเคราะห์ ธุรกิจไฮเทค ซึ่งเป็นธุรกิจเติบโต
คลาสเรียนในปี 1961 ท่านให้วิเคราะห์บริษัท Texas Instruments เพราะอาจารย์ฟิชเชอร์ท่านสนใจในธุรกิจ เซมิคอนดัคเตอร์ (ซึ่ง ณ ขณะนั้นเป็นธุรกิจไฮเทค ที่มีการเติบโต)
ท่านกล่าวไว้ว่า
"เราควรจะค้นหาและตรวจสอบบริษัทที่ยิ่งใหญ่เช่น บริษัท Texas Instruments ในธุรกิจเซมิคอนดัคเตอร์"
ผมขอคารวะอาจารย์ฟิชเชอร์ เพราะนั่นทำให้ผมได้ซื้อหุ้น 100-bagger อย่าง โมโตโรล่า
หรือถ้าจะกล่าวแบบสรุปลองดู เดลคอมพิวเตอร์ หรือบริษัทในกลุ่มนี้ ถ้าคุณลงทุนหมื่นเหรียญตอนนั้น ตอนนี้มูลค่าเกิน หนึ่งล้านเหรียญไปแล้ว
เมื่อพอร์ตการลงทุนของคุณ มีการกระจายความเสี่ยงที่เหมาะสม ผลตอบแทนของพอร์ตคุณก็จะได้รับผลกระทบจากความแปรปรวนน้อยลง (โปรเฟสเซอร์ แม็คโดนัลด์ กล่าวถึงการกระจายหุ้นระหว่าง 7 ตัว ถึง 10 ตัว - จุดนี้อาจมีการตีความคำว่ากระจายความเสี่ยงแย้งกับฟิชเชอร์อยู่บ้าง ฟิชเชอร์ กล่าวไว้ว่า มีหุ้นในพอร์ต 8 ตัว เค้าก็ปวดหัวแล้ว)
ผมอยากให้นักศึกษาเข้าใจจิตวิญญาณของ อาจารย์ฟิชเชอร์ ว่าท่านใช้เวลาในการศึกษาบริษัทจนลึกซึ้ง ท่านไม่ใช่ตื้น ๆ ผมขอย้ำว่าท่านศึกษาจนลึกมาก มากกว่าที่ใครต่อใครจะคาดคิดว่า ทำไมนักลงทุนคนหนึ่งจะครุ่นคิด ลึกซึ้งขนาดนี้เกี่ยวกับบริษัทที่เค้ากำลังลงทุน
...............
แนวคิดของ Phil Fisher:
- ข้อแนะนำ: (1) ซื้อบ้าน (2) รู้จักเก็บหอมรอมริบ (3) ลงทุนระยะยาว
- พีอี ไม่ได้บอกคุณว่าบริษัทที่คุณกำลังลงทุน ดีหรือไม่ดี บอกแค่เพียงว่า ณ ขณะราคานี้ หุ้นราคาถูกหรือแพง
- สิ่งสำคัญคือ ผู้บริหารที่มีฝีมือโดดเด่นเหนือคู่แข่ง
- เมื่อไรที่คุณรู้ว่า อะไรคือสิ่งที่คุณกำลังค้นหา เมื่อนั้นคุณมาถูกทางแล้ว
- บริษัทดาษดื่นทั่วไป ชอบทำงานกันสบาย ๆ ติดยึดกับรูปแบบเก่า ๆ แต่เมื่อไรก็ตามที่มีคู่แข่งลงมาแข่งขันพร้อมกับกรรมวิธีใหม่ ๆ ซึ่งลบล้างรูปแบบการทำงานเก่า ๆ เมื่อนั้นบริษัทของคุณก็จะถูกผลักดันให้เข้าสู่การเปลี่ยนแปลงอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้
- วิธีการที่เราจะดูว่าผู้บริหารทำงานได้ดีหรือไม่ นั่นคือให้ดูปฏิกริยาของเค้าที่มีต่อการเปลี่ยนแปลง เค้าต่อกรกับการเปลี่ยนแปลงอย่างไร เค้ารับมือได้หรือไม่ เพราะนั่นอาจนำมาสู่ มาร์เก็ตแชร์ขนาดใหญ่ ตลอดจนความหายนะหรือการอยู่รอดของธุรกิจ
งานแรกของคุณ: ชี้ชัดออกมาให้ได้ว่าปัญหาของโลกธุรกิจ ณ ขณะปัจจุบันคืออะไร?
ฟิชเชอร์เล็งเห็นว่า ทำอย่างไรที่บริษัทจะสามารถเข้าใจถึงหัวใจของพนักงานได้ ดูจะเป็นปัญหาของธุรกิจในปัจจุบัน ในภาวะที่ครอบครัวเล็ก ๆ ครอบครัวหนึ่ง ประกอบด้วย พ่อ แม่ ลูก ซึ่งทั้งพ่อและแม่ ก็ต้องปากกัดตีนถึบ เพราะทั้งคู่ต่างก็มีภาระที่ต้องทำงาน ทำอย่างไรบริษัทจะชนะใจพวกเค้าและมัดใจเค้าให้อยู่กับองค์กร?
การต่อรองกับพนักงานไม่ใช่สิ่งที่จะทำให้เกิดความจงรักภักดี และผลประโยชน์ที่ริดรอนมาจากพนักงานก็คงไม่ทำให้บริษัทร่ำรวยขึ้นแต่ประการใด บริษัทที่เข้าใจลึกซึ้งถึงปัญหานี้และสามารถจัดการเรื่องนี้ได้อย่างมีประสิทธิภาพ คุณจะประสบความสำเร็จอย่างงดงาม รวมถึงความสามารถในการแข่งขันของคุณก็จะสูงขึ้นจนคู่แข่งยากจะตามทัน
ฟิชเชอร์ตอบคำถาม:
"ภายใต้การบริหารของผม บอกตามตรงการที่เราถือครองหุ้นมากถึง 8 ตัว ก็นับเป็นสัญญาณอันตรายอย่างหนึ่ง"
- ฟิชเชอร์ กล่าวต่อ: "ผมเชื่ออย่างมากในเรื่องการกระจายความเสี่ยง แต่การกระจายความเสี่ยงมากจนเกินไปก็เป็นปัญหาอีกแบบหนึ่ง"
ตลาดหุ้นประกอบด้วยทั้งคนที่ไร้ความรู้ตลอดจนพวกที่ไม่รู้เรื่องรู้ราว ในโลกแห่งการเงินอยู่มากมาย ที่เข้าไปเล่นหุ้นกันเป็นจำนวนมาก ทำให้ผมรู้สึกเวียนหัวกับเรื่องราวของมัน
- เมื่อไรควรจะขาย?
เมื่อบริษัทถดถอย
"อย่างไรก็ตาม ชื่อเสียงของการเป็นนักลงทุนระยาวของผมนั้นเป็นที่รับทราบกันดี แต่ถึงกระนั้น ผมเองก็ยังพลาด ในการที่ขายหุ้นที่ดีออกมาเร็วกว่าเวลาอันควร"
- ควรลงทุนนอกสหรัฐอเมริกาหรือไม่?
ผมยังไม่เห็นด้วยนะ. ทุกครั้งที่ผมลงทุนผมต้องรู้จักคนที่ผมจะติดต่อด้วย การเดินทางออกนอกประเทศเป็นปัจจัยเสี่ยงอย่างหนึ่ง ถ้าคุณไม่คำนึงถึงปัจจัยพวกนี้ภายหลังอาจเกิดผลกระทบตามมาได้
- เป็นที่ทราบกันว่า ฟิชเชอร์ ต้องการข้อมูลจากทุกแหล่งที่เค้าจะเข้าถึงข้อมูลได้
ตัวเลขจากแหล่งต่าง ๆ มักจะอวดอ้างเกินจริงเสมอ สิ่งที่ผมต้องการคือคุณภาพขององค์กรต่างหาก
ปัจจุบันเรามีข้อมูลเยอะแยะมหาศาลมากมาย แต่คุณภาพของบริษัทในปัจจุบันไม่เห็นจะพัฒนาขึ้นสักเท่าไร
สองสิ่งที่ผมจ้องมองค้นหา และคาดหวังจะได้รับจากผู้บริหารในบริษัทที่ผมยึดมั่นลงทุนนั่นคือ
1) ความโปร่งใส และ 2) ความรับผิดชอบ
"ถ้าคุณยังไม่ได้รู้จักผู้บริหารของบริษัทที่คุณลงทุน งานของคุณยังไม่จบ" ฟิชเชอร์กล่าว
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น