แต่ผมต้องอดทน พวกเราทุก ๆ คนต้องอดทน ปัญหาน้ำท่วมในปี ๒๕๕๔ เป็นประวัติศาสตร์สำคัญหน้าหนึ่งที่ต้องบันทึกไว้ครับ
น้ำที่ท่วมวันนี้ไม่ได้แค่ท่วมพื้นดิน แต่ยังถาโถมเข้ากระหน่ำสุขภาพใจ
เล่นงานอย่างบอบช้ำ “น้ำท่วมใจ”
น้ำไม่ได้มีกุนซือ น้ำไม่ได้มีอาวุธ สิ่งที่น้ำมีคือ ความมุ่งมั่นและความเป็นหนึ่งเดียว ตามธรรมชาติของน้ำ คนมีทั้งกุนซือ มีมันสมอง มียุทโธปกรณ์สารพัด แต่เมื่อใดก็ตามที่ขาดความเป็นหนึ่งเดียว ขาดความสามัคคี ต่อให้มี หมื่นกุนซือ ล้านยุทธปัจจัยก็ไม่สามารถต่อสู้ได้
น้ำไม่ได้มีกุนซือ น้ำไม่ได้มีอาวุธ สิ่งที่น้ำมีคือ ความมุ่งมั่นและความเป็นหนึ่งเดียว ตามธรรมชาติของน้ำ คนมีทั้งกุนซือ มีมันสมอง มียุทโธปกรณ์สารพัด แต่เมื่อใดก็ตามที่ขาดความเป็นหนึ่งเดียว ขาดความสามัคคี ต่อให้มี หมื่นกุนซือ ล้านยุทธปัจจัยก็ไม่สามารถต่อสู้ได้
น้ำสร้างคุณประโยชน์มากมาย มนุษย์อยู่ไม่ได้ครับถ้าปราศจากน้ำ
เพียงแต่เราไปกั้นมันเราไปกั้นน้ำผมไม่ได้หมายความแค่เรากั้นน้ำตามถนนแต่ผมหมายถึงพวกเราปิดกั้นใจเราเองด้วยเมื่อใจเราปิดเสียแล้วเราจะเห็นประโยชน์ของมันได้อย่างไร?
เราฝืนธรรมชาติเราก็แพ้ เหตุการณ์นี้เราต้องอดทนและเราต้องเรียนรู้ เพื่อที่จะอยู่
ไม่ต้องต่อสู้เพราะธรรมชาติไม่ใช่ศัตรู
น้ำแม้จะแตกกระจายไปหลายสายแต่กลับมารวมกันได้เสมอ หลายบ้านได้มาอยู่รวมกันครับ ญาติพี่น้องได้มาเจอกันแม้ไม่ใช่ในกรุงเทพฯ ตามต่างจังหวัด สายน้ำพัดพาพวกเรามารวมกัน
น้ำชำระจิตใจ และสายน้ำมีพลังพอที่จะทำลายกำแพงในใจผม
สัปดาห์ที่ผ่านมาผมเดินทางกลับต่างจังหวัด
ผมพบว่าผมได้สร้างปัญหามากมายไว้ให้กับคุณพ่อ
เนื่องจากข้อมูลที่ผมทราบบ้านเราจะท่วมไม่เกิน 20 ซ.ม. เวลาที่น้ำเหนือมาสิ่งที่เราต้องกังวลไม่ใช่มวลน้ำ แต่เราต้องกังวลเรื่องความเร็วน้ำ สิ่งนี้สำคัญครับเพราะความเร็วน้ำจะมาพร้อมกับแรงดันน้ำ ซึ่งจะทำให้น้ำพุ่งอย่างผิดปกติ น้ำที่มาในช่วงกลางเดือนตุลามาด้วยความเร็ว 100 ลบ.ม. ต่อ วินาที แต่คลองเปรมประชากร ณ ขณะนั้น ระบายน้ำได้ 70 ลบ.ม ต่อวินาที ดังนั้นจะเกิดปรากฎการณ์น้ำหลากทุ่ง คือน้ำเข้าโจมตีด้วยความเร็ว 30 ลบ.ม. ต่อวินาที ซึ่งน้ำหลากทุ่งพวกนี้จะโจมตีทุกทิศทุกทาง และมากพอที่จะทำลายปราการณ์ชั่วคราวของรังสิตฝั่งเหนือเข้าสู่รังสิตฝั่งใต้ รวมถึงการที่เรากั้น จึงทำให้มวลน้ำรวมตัว เมื่อพนังแตกก็จะพุ่งด้วยความเร็วสูงกว่าปกติ นั่นคือเมื่อน้ำหลุดจากเมืองเอก เข้าสู่เซียร์รังสิต เข้าสู่ดอนเมือง และมาถึง ม. เกษตร เมื่อวาน แต่จะสังเกตุได้ครับว่าน้ำที่ไหล เข้า ม.เกษตร นั้น ติดความสูงของถนน และน้ำเริ่มตีโอบปัจจุบันความเร็ว 5 ลบ.ม ต่อวินาที น้ำมาช้าลง ดังนั้นมวลน้ำก็จะขังและลามออกด้านข้าง พื้นที่ลุ่มต่ำ เช่น แยกพงษ์เพชร ชินเขต จะโดนก่อน อีกปัจจัยคือน้ำล้นคลองเปรมประชากร จะสังเกตว่า วิภาวดีขาออก ลำบากกว่าวิภาวดีขาเข้า น้ำจะต้องใช้เวลาในการข้ามถนนอีกสองเส้น คือ งามวงศ์วาน และ รัชดา หากเจ้าหน้าที่ใช้โอกาศนี้เร่งระบายน้ำไปฝั่งตะวันออก โดยใช้ คลองลาดพร้าว (คลองบางบัว) คลองเปรม คลองลาดพร้าวนั้นจะต่อเนื่องไปถึงคลองแสนแสบ
สุดท้ายน้ำก็จะเข้าโจมตีหากระบายไม่ทัน แต่ถ้าระบายได้ดีก็จะสามารถรักษากรุงเทพชั้นในเอาไว้ได้ครับ... ไม่ต้องลุ้นครับถ้าจำเป็นต้องท่วมก็ท่วม เรียนรู้ที่จะอยู่กับน้ำครับ
เนื่องจากข้อมูลที่ผมทราบบ้านเราจะท่วมไม่เกิน 20 ซ.ม. เวลาที่น้ำเหนือมาสิ่งที่เราต้องกังวลไม่ใช่มวลน้ำ แต่เราต้องกังวลเรื่องความเร็วน้ำ สิ่งนี้สำคัญครับเพราะความเร็วน้ำจะมาพร้อมกับแรงดันน้ำ ซึ่งจะทำให้น้ำพุ่งอย่างผิดปกติ น้ำที่มาในช่วงกลางเดือนตุลามาด้วยความเร็ว 100 ลบ.ม. ต่อ วินาที แต่คลองเปรมประชากร ณ ขณะนั้น ระบายน้ำได้ 70 ลบ.ม ต่อวินาที ดังนั้นจะเกิดปรากฎการณ์น้ำหลากทุ่ง คือน้ำเข้าโจมตีด้วยความเร็ว 30 ลบ.ม. ต่อวินาที ซึ่งน้ำหลากทุ่งพวกนี้จะโจมตีทุกทิศทุกทาง และมากพอที่จะทำลายปราการณ์ชั่วคราวของรังสิตฝั่งเหนือเข้าสู่รังสิตฝั่งใต้ รวมถึงการที่เรากั้น จึงทำให้มวลน้ำรวมตัว เมื่อพนังแตกก็จะพุ่งด้วยความเร็วสูงกว่าปกติ นั่นคือเมื่อน้ำหลุดจากเมืองเอก เข้าสู่เซียร์รังสิต เข้าสู่ดอนเมือง และมาถึง ม. เกษตร เมื่อวาน แต่จะสังเกตุได้ครับว่าน้ำที่ไหล เข้า ม.เกษตร นั้น ติดความสูงของถนน และน้ำเริ่มตีโอบปัจจุบันความเร็ว 5 ลบ.ม ต่อวินาที น้ำมาช้าลง ดังนั้นมวลน้ำก็จะขังและลามออกด้านข้าง พื้นที่ลุ่มต่ำ เช่น แยกพงษ์เพชร ชินเขต จะโดนก่อน อีกปัจจัยคือน้ำล้นคลองเปรมประชากร จะสังเกตว่า วิภาวดีขาออก ลำบากกว่าวิภาวดีขาเข้า น้ำจะต้องใช้เวลาในการข้ามถนนอีกสองเส้น คือ งามวงศ์วาน และ รัชดา หากเจ้าหน้าที่ใช้โอกาศนี้เร่งระบายน้ำไปฝั่งตะวันออก โดยใช้ คลองลาดพร้าว (คลองบางบัว) คลองเปรม คลองลาดพร้าวนั้นจะต่อเนื่องไปถึงคลองแสนแสบ
สุดท้ายน้ำก็จะเข้าโจมตีหากระบายไม่ทัน แต่ถ้าระบายได้ดีก็จะสามารถรักษากรุงเทพชั้นในเอาไว้ได้ครับ... ไม่ต้องลุ้นครับถ้าจำเป็นต้องท่วมก็ท่วม เรียนรู้ที่จะอยู่กับน้ำครับ
ก็เพราะผมมีข้อมูลและมั่นใจแบบนี้ครับ
การสื่อสารกับพ่อและแม่นั้นไม่ง่ายเลย ข่าวที่ออกตามวิทยุและทีวีนั้นเป็นข่าวที่ไม่ได้ย่อย
และบางครั้งนะครับสร้างความตื่นตระหนกให้ผู้คนเกินความจำเป็น
ผมเห็นด้วยนะครับกับการให้ข้อมูล การเตือน การปราม
แต่ผมไม่เห็นด้วยกับสื่อที่ตั้งใจจะขายความตื่นเต้น ขายข่าว
ขายความตื่นตระหนกเกินความจำเป็น บ้านผมก็เช่นเดียวกันครับ
น้ำท่วมเป็นเรื่องที่สร้างความกังวล คุณปู่ของลูกชายและลูกสาวผม กังวลอย่างมาก
พ่อและแม่ช่วยกันแบกประตู แล้วตอนแรกท่านเลื่อยเองและก็เลื่อยไม่ไหว
ท่านเลื่อยวันเสาร์มั๊งครับ ผมไม่อยู่ด้วยความที่ท่านเป็นห่วง ท่านก็ไปจ้างคนมาเลื่อยเสร็จแล้วก็ไปติดที่บ้าน
แต่มันสูงมากครับ ติดไว้ที่ประตู ผมจะเข้า-ออก ต้องปีน กำแพงนี้ก็ไม่ใหญ่
แต่มันกั้นในใจผมพอ ๆ กับกั้นหน้าบ้าน ทุกครั้งที่ปีนเข้าออกก็ก๊อกแก๊ก
ผมตัดสินใจทุบครับ กลัวน้ำมั๊ย? กลัวไม่มาก แต่ถ้าหล่นลงมาคงลำบากกว่า แล้วผมก็โทรไปหาพ่อกับแม่
บอกผมขอโทษครับ ผมกลัวพ่อผมเสียใจที่อุตสาห์ทำ แต่ผมคิดดีแล้วครับ
พ่อกับแม่บอกว่า ดีแล้ว ผมเองก็สบายใจขึ้นกำแพงในใจก็หายไปพร้อม ๆ
กับกำแพงที่หน้าประตู
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น